ทำไมไฟตกในโรงงานบ่อย?

ทำไมไฟตกในโรงงานบ่อย?

ในโรงงานอุตสาหกรรม ปัญหา ไฟตก (Voltage Drop) ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้
✔ เครื่องจักรรวน
✔ ระบบ Automation ล่ม
✔ มอเตอร์ร้อนจัดจนพัง
✔ ผลิตช้าลง หรือหยุดผลิตทันที

ทำไมไฟตกในโรงงานบ่อย?

หลายโรงงานเสียต้นทุนหลักแสน–หลักล้านต่อปีจาก ไฟตกบ่อย โดยไม่รู้สาเหตุจริง บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกว่าทำไมไฟจึงตก และควรแก้อย่างไรให้จบแบบยั่งยืน

ไฟตกคืออะไร?

ไฟตก (Under Voltage) คือภาวะที่แรงดันไฟฟ้าต่ำกว่าที่ควร เช่น จากปกติ 380V แต่เหลือ 320–340V
แม้จะลดลงเพียงช่วงสั้น ๆ แต่ก็ทำให้เครื่องจักรทำงานผิดปกติทันที เช่น

- มอเตอร์กินกระแสสูง → ร้อน → คอยล์ไหม้

- PLC / Automation รีเซ็ต

- เครื่องเชื่อมไฟอ่อน

- ปั๊มแรงดันตก


สาเหตุที่ทำให้ไฟตกในโรงงานบ่อย

1.โหลดเครื่องจักรเกินกำลังหม้อแปลง (Overload Transformer)

สาเหตุที่พบมากที่สุด
โรงงานขยายไลน์ผลิตเพิ่ม แต่ไม่เพิ่มขนาดหม้อแปลง → หม้อแปลงรับโหลดไม่ไหว → แรงดันตกทันที

สัญญาณเตือน

- หม้อแปลงทำงานใกล้ 80–100%

- เวลาพีคเครื่องจักรเปิดพร้อมกัน ไฟอ่อน


2.เดินสายไฟผิดขนาด / สายเสื่อมสภาพ

สายไฟเล็กเกินไปหรือติดตั้งไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดแรงดันตกตอนส่งกระแสไฟไปไกล ๆ

เช่น
✔ ใช้สายไม่เกินระยะ (Voltage Drop Over Distance)
✔ ฉนวนเสื่อมจากความร้อน
✔ ขั้วหลวม ทำให้เกิดอาร์คไฟ


3.อุปกรณ์ไฟฟ้าเสื่อม / เบรกเกอร์คุณภาพต่ำ

อุปกรณ์เก่า เช่น

- เบรกเกอร์

- คาปาซิเตอร์

- คอนแทคเตอร์

- ATS / MDB

เมื่อเสื่อมสภาพจะทำให้แรงดันไม่คงที่ → เกิดไฟตกเป็นช่วง ๆ


4.ระบบกราวด์ไม่สมบูรณ์

ไฟรั่ว ไฟสวิง ไฟกระชาก เกิดจากกราวด์ไม่ดี ส่งผลต่อแรงดันรวมทั้งระบบ


5.เครื่องจักร Start Load สูง (เช่น มอเตอร์ขนาดใหญ่)

มอเตอร์บางประเภทมี Inrush Current สูงมาก
เปิดที → ไฟทั้งโรงงานตกทันที

กรณีนี้มักเกิดใน
✔ ปั๊มน้ำโรงงาน
✔ เครื่องอัดลม
✔ มอเตอร์ 3 เฟสขนาดใหญ่
✔ เครื่องเย็นโรงงาน


6.ปัญหาไฟจากการไฟฟ้า (ต้นทางไม่เสถียร)

บางพื้นที่แรงดันต้นทางไม่คงที่ เช่น

- พื้นที่อุตสาหกรรมที่ใช้โหลดสูง

- เวลาพีคตอนกลางวัน

- ไฟพาดผ่านระยะไกล


ไฟตกบ่อย ส่งผลเสียมากกว่าที่คิด

⚠ มอเตอร์พังเร็วกว่าปกติ
⚠ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เสียหาย
⚠ ผลิตสะดุด → เสียโอกาสทางธุรกิจ
⚠ เพิ่มค่าไฟฟ้า (เพราะกินกระแสสูงผิดปกติ)
⚠ เพิ่มค่า Maintenance และ Downtime


วิธีแก้ไฟตกในโรงงานแบบยั่งยืน

✔ 1. ตรวจโหลดรวมของโรงงาน (Load Analysis)

เพื่อเช็กว่าหม้อแปลงรองรับโหลดได้หรือไม่
หากเกิน 70–80% → ควรอัปเกรดขนาด


✔ 2. ตรวจสอบคุณภาพไฟด้วย Power Quality Analyzer

เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุดในการหา

- ไฟตก

- ไฟกระชาก

- ฮาร์มอนิก

- ไม่สมดุลเฟส


✔ 3. เปลี่ยนสายไฟ / อุปกรณ์ไฟฟ้าที่เสื่อม

- เดินสายใหม่ให้เหมาะกับโหลด

- เปลี่ยนเบรกเกอร์คุณภาพสูง

- เพิ่มคาปาซิเตอร์

- เปลี่ยนบัสบาร์ที่ร้อนผิดปกติ


✔ 4. ติดตั้ง Soft Starter หรือ VFD ให้มอเตอร์ใหญ่

ช่วยลดกระแสกระชากตอนสตาร์ท → ป้องกันไฟตกทั้งโรงงาน


✔ 5. เพิ่มระบบสำรองไฟ เช่น

- Stabilizer

- UPS อุตสาหกรรม

- อัปเกรด MDB Panel ช่วยให้แรงดันนิ่งขึ้น ลดปัญหาสะดุด


ไฟตกในโรงงานไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะทำให้เครื่องจักรเสียหายและสูญเสียต้นทุนสูง การรู้สาเหตุที่แท้จริงและแก้ไขแบบตรงจุดจะช่วยให้โรงงานเสถียร ปลอดภัย และลด Downtime ได้อย่างมาก

หากไฟตกบ่อย ควรตรวจระบบไฟฟ้าอย่างจริงจังโดยผู้เชี่ยวชาญ

 

 

เพิ่มเพื่อน - ติดต่อสอบถาม
 Line : @FACTORIPRO

ไลน์ Line FactoriPro

Visitors: 58,656